เมื่อ ‘สมรสเท่าเทียม’ กำลังจะมา ประเทศไทยพร้อมหรือไม่ ที่จะ ‘เข้าใจ’ และ ‘เปลี่ยนแปลง’?
-ไม่มีสิทธิในการรับบุตรบุญธรรมมาเลี้ยงดูเหมือนกฎหมายคู่สมรส
หากเป็นเชิงพิธีกรรม การแต่งงานของคู่รักต่างเพศสามารถเกิดขึ้นได้ แต่ในทางกฎหมาย กลับไม่เอื้ออำนวย เป็นเหตุให้หลายคู่เลือกบินไปจดทะเบียนสมรสกันยังต่างประเทศ แต่หากมีกฎหมายรองรับ เรื่องสิทธิการแต่งงาน ในอนาคตสามารถจดทะเบียนสมรสในประเทศไทยได้ รวมถึงมีกฎหมายรองรับพิธีกรรมอื่น ๆ เช่น สิทธิการหมั้น การจดทะเบียนสมรส รวมถึงการจัดการทรัพย์สินของคู่สมรส รวมไปถึงการเป็นตัวแทนทางกฎหมาย สิทธิรับมรดกในฐานะทายาทโดยธรรม และสิทธิได้รับประโยชน์จากสวัสดิการจากรัฐ (อาทิ สวัสดิการข้าราชการ รับประโยชน์ทแทนตามสิทธิประกันสังคม) นอกจากนี้ยังได้สิทธิในการขอสัญชาติอีกด้วย
“คู่สมรส” จะไม่จำกัดเฉพาะชาย-หญิงเท่านั้น แต่ครอบคลุมทุกเพศสภาพ
"จากเป็นขอทานในเกาหลีเหนือ ผมหนีมาเดบิวต์เป็นศิลปินเค-ป็อป"
ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมหรือในชื่อทางการว่า ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ป.พ.พ.) ที่ถูกนำมาพิจารณาในรอบนี้ มีหลักการเดียวกันคือ การขยายสิทธิการสมรสหรือแต่งงานให้ครอบคลุมบุคคลทุกเพศ โดยแก้ไขกฎหมายแต่งงานเดิม จดทะเบียนสมรสเท่าเทียม ซึ่งก็คือประมวลกฎหมายแพ่งฯ (ป.
ร.บ. ของ ครม. ที่ไม่ได้ระบุเรื่องนี้ไว้
ครม.ให้เปลี่ยนคำ ‘เพศเดียวกัน’ เป็น ‘เพศหลากหลาย’ ในร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมฯ
บุคคลไม่ว่าจะมีเพศสภาพ หรือมีอัตลักษณ์ทางเพศอย่างไร เมื่อจดทะเบียนสมรสกันก็ถือเป็น "คู่สมรสที่ชอบด้วยกฎหมาย"
ค. โดยเป็นร่างฯ ที่มีเจ้าภาพคือ กรมคุ้มครองสิทธิเสรีและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม
ในอนาคตสามารถจดทะเบียนสมรสในประเทศไทยได้ รวมถึงมีกฎหมายรองรับพิธีกรรมอื่น ๆ เช่น สิทธิการหมั้น การจดทะเบียนสมรส รวมถึงการจัดการทรัพย์สินของคู่สมรส รวมไปถึงการเป็นตัวแทนทางกฎหมาย สิทธิรับมรดกในฐานะทายาทโดยธรรม และสิทธิได้รับประโยชน์จากสวัสดิการจากรัฐ (อาทิ สวัสดิการข้าราชการ รับประโยชน์ทแทนตามสิทธิประกันสังคม) นอกจากนี้ยังได้สิทธิในการขอสัญชาติอีกด้วย
พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี คือการแต่งกายให้ตรงเพศสภาพ
ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร และ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ต่างก็ขอสงวนการแปรญัตติไว้ในหลายมาตรา
ร.บ.คู่ชีวิต ที่กำลังเป็นที่ถกเถียงกันอย่างไร